HONDA

ข้อมูลของ 2008 HONDA CBR 1000RR

2008 เปลี่ยนโฉมครั้งใหญ่อีกเช่นเคย รีดน้ำหนักลงไปได้อีก 2.5 กก. เฟรมใหม่ บอดี้ใหม่ เครื่องยนต์ใหม่ ท่อไอเสียแบบมีวาล์วควบคุมด้วย ECU ยัดไว้ข้างใน ปลายเป็นไทเทเนียมสั้นกุดสไตล์ MotoGP กับหน้างองุ้มคล้ายๆดูคาติ ดูให้สวยได้ยากแฮะเครื่องยนต์ลูกใหม่ขยายขนาดลูกสูบออกไปอีก 1 มม.แต่เป็นลูกสูบฟอร์จรุ่นใหม่เคลือบโมลิบดีนัมที่เบากว่าเดิม ลดระยะชัก วาล์วไทเทเนียมทางฟากไอดีขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 30.5 มม. วาล์วไอเสียขนาด 24 มม. บล็อกเครื่องใหม่ที่ย้ายเซ็นเซอร์จับตำแหน่งองศาเพลาต่างๆมาไว้ตรงกลาง ช่วยลดขนาดให้แคบลง เบาลง Clutch Slipper ออกแบบให้ทำงานดีกว่าเดิมโดยใช้ระบบ Center-cam แทนที่แบบร่องสไลด์เฉียงแบบเก่า ทำให้ได้ระยะแยกคลัทช์มากกว่าเดิมและทำงานละเอียดขึ้น แบตเตอรี่แบบใหม่ที่จ่ายไฟเท่าเดิมแต่ขนาดเล็กกว่าเดิม เฉพาะแบตใหม่นี่เบาลงไปถึง 1 กก.เชียวล่ะกล่อง ECU ใหม่ที่เล็กและเบากว่าเดิม ควบคุมการจำกัดกำลังในช่วงเปลี่ยนเกียร์ได้ดีกว่าเดิม, Idle-air control valve (IACV) ตัวใหม่ที่ควบคุมการทำงานจากเดินเบาจนถึงรอบต่ำได้เนียน ช่วยลดอาการกระชากเวลาออกตัวช้าๆแบบเวลารถติด หม้อน้ำแบบใหม่กับพัดลมไฟฟ้าอีกสองตัว ลดอาการไข้สูงตัวร้อนจัดได้ดีสวิงอาร์มแบบ Gull wing หลบท่อไอเสียและเสริมแนวรับแรง น้ำหนักเบากว่าแบบ Bridge Type อย่างที่เคยใช้

ล้อแม็กรุ่นใหม่ เบากว่าเดิม 550 กรัม จุดยึดเบรคแบบเรเดียลเมานท์ที่ออกแบบใหม่ให้เบาลงกว่าเดิม และจานเบรคแบบ 6 หมุดซึ่งก็เบากว่าเดิมอีกเช่นกัน คราวนี้รีดน้ำหนักกันทุกส่วน แม้แต่ขาตั้งอลูมิเนียมก็ไม่เว้น ขยับท่านั่งใหม่ เบาะขยับไปข้างหน้าอีก 10 มม. ลดระดับลง 10 มม. แฮนด์สูงขึ้น 6.5 มม. และเขยิบไปข้างหน้าอีก 2 มม. กันสะบัดอิเลคทรอนิคส์ตัวใหม่ เล็กกว่า เบากว่า ทำงานได้เรียบลื่นดีกว่า ไฟหน้าสี่ดวงแบบ Multi Reflector ใช้กับหลอด H7 และท่อแรมแอร์คู่อัดลมเข้ากรองอากาศขนาด 9.7 ลิตร ไฟท้าย LED แบบพร้อมถอดเก็บลงสนาม เรือนไมล์ตัวใหม่เล็กกว่าเบากว่าอีกแล้ว จอ LCD ที่บอกความเร็ว, ระยะทางรวม, ทริปมิเตอร์อีกสองชุด, อุณหภูมิน้ำหล่อเย็น, นาฬิกา, อัตราการกินน้ำมันปัจจุบัน และอัตราการกินน้ำมันเฉลี่ย ส่วงนด้านบนของมาตรวัดเป็นชิฟท์ไลท์ Specification เครื่องยนต์ - 999cc DOHC 16V สี่สูบเรียง ระบายความร้อนด้วยน้ำ กระบอกสูบxช่วงชัก - 76 x 55.1 mm. อัตราส่วนกำลังอัด - 12.3:1 ระบบจ่ายเชื้อเพลิง - Dual Stage Fuel Injection (DSFI) ท่อไอดีขนาด 40 มม. หัวฉีดเด็นโซ่ 12 รู สูบละสองหัว ระบบจุดระเบิด - Computer-controlled digital transistorized with 3D mapping, หัวเทียน Iridium ระบบส่งกำลัง - เกียร์ close-ratio 6 จังหวะ ขับเคลื่อนด้วยโซ่ เบอร์ 530 O-ring-sealed ระบบกันสะเทือนหน้า - Telescopic USD 43mm HMAS cartridge fork สามารถปรับค่า spring-preload, rebound และ compression ระยะยุบ 120 มม. ระบบกันสะเทือนหลัง - ช็อคอับเดี่ยวระบบ Pro-Link HMAS สามารถปรับค่า spring-preload, rebound และ compression-damping ระยะยุบ 134.5 มม. เบรคหน้า - ดิสค์เบรคจานคู่ขนาด 320mm คาลิเปอร์แบบเรเดียลเมานท์ 4 ลูกสูบ เบรคหลัง - ดิสค์เบรคจานเดี่ยวขนาด 220mm คาลิเปอร์แบบลูกสูบเดียว ยาง - หน้า 120/70ZR-17 radial, หลัง 190/50ZR-17 radial มุม Rake - 23.3 องศา ระยะ Trail - 96.2 mm. ระยะฐานล้อ - 1407 mm. ความสูงถึงเบาะ - 810 mm. น้ำหนัก - 172.5 kg. ถังน้ำมัน - 17.8 litres, สำรอง 4 litres

ข้อมูลของ 2004 HONDA CBR 1000RR

หลังจาก Honda CBR 954 ได้ยุติสายการผลิดฮอนด้าก็ได้ทำการพัฒนา FIREBRADE ตัวใหม่เพื่อที่จะนำมาใช้ในการต่อกรกับคู่แข่งนั่นก็คือ HONDA CBR 1000RR เทคโนโลยีจากสนามแข่งถูกนำมาประยุกต์ให้เข้ากับ CBR 1000RR อย่างวิจิตร เครื่องยนต์ถูกขยายจากเดิมเป็น 998 ซีซีชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ในแต่ละจุดถูกออกแบบใหม่ทั้งหมด CBR 1000RR ตัวนี้ใช้ชุดหัวฉีดใหม่ซึ่งจะปรับระบบจุดระเบิดให้เชื่อมโยงในทุกความเร็วรอบของเครื่องยนต์จากระบบ PGM-FI ในอดิตที่เคยใช้กับ 954 ถูกปรับเปลี่ยนเป็นชุดหัวฉีดและระบบจุดระเบิดแบบใหม่คือ PGM-DSFI (PROGRAM-DUAL STAGE FUEL INJECTION ) โดยการฝังหัวฉีดไว้สองหัวต่อสูบโดยตัวแรกจะทำงานในรอปต่ำและตัวที่สองจะทำงานเมื่อรอบของเครื่องยนต์เกิน 5000 รอบขึ้นไปเพื่อแยกการทำงานของเครื่องยนต์ในรอปต่ำและรอบสุงอย่างชัดเจนโดยการทำงานของชุดหัวฉีดจะถูกควบคุมด้วย ECU 32บิต จะกระจายผลไปที่วาล์วไอเสียที่จุดรวมท่อทั้ง 4 เพื่อควบคุมกำลังงานของเครื่องยนต์และแรงบิดและยังควบคุมไปจนถึงชุดกันสะบัดอิเล็กทรอนิกส์ HESD ที่จะสร้างความหนึดให้เหมาะสมกับความเร็วโดยอัตโนมัติ เทคโนโลยของสนามแข่งถูกถ่ายทอลงมาอย่างไกล้เคียงที่สุด โดยเฉพาะระะบกันสะเทือนแบบใหม่ UNIT PRO-LINK ท่อไอเสียแบบ 4 รวมสองออกหนึ่งจัดวางปลายท่อไว้ไต้เบาะอย่างรัดกุม เหมาะกับรถสปอร์รุ่นใหม่ที่สร้างความโฉบเฉี่ยว ให้สมกับเป็นตัวทอปที่นำเทคโนโลยีจากสนามแข่งมาอยู่ในรถตลาดอย่างแท้จริง 




ถ้าจะนับกันแต่แรกเริ่มของรถฮอนด้าที่ใช้เครื่อง V4 ขนาด 400 ซีซี. ก็ต้องเริ่มกันที่ปี 1982 กับ VF400F เป็นตัวแรก เครื่องยนต์ V4 400cc. ซึ่งก็ได้รับความนิยมสูงในยุคนั้น

Specification
เครื่องยนต์ - V4 DOHC 16V ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ความจุกระบอกสูบ - 399 ซีซี.
กระบอกสูบ x ระยะชัก - 55 x 42 มม.
อัตราส่วนกำลังอัด - 11.1 : 1
กำลังสูงสุด - 56 PS (41.4 kW) @ 12,500 pm
แรงบิดสูงสุด - 3.62 กก.-ม. (35.5 Nm) @ 10,500 pm
เกียร์ - 6 ระดับ
เบรคหน้า - ดิสค์เบรคจานเดียว
เบรคหลัง - ดิสค์เบรคจานเดียว
ยางหน้า - 100/90-16
ยางหลัง - 110/90-18
ยาวxกว้างxสูง - 2,060x750,x1,160
ระยะฐานล้อ - 1,415 มม.
สูงถึงเบาะ - 780 มม.
สูงจากพื้น - 160 มม.
ถังน้ำมัน - 17 ลิตร
น้ำหนัก - 173 กก.

VF400F ขายอยู่สองปี พอถึงปี 1984 ก็ออกรุ่นสปอร์ทฟูลแฟริ่งมา ใช้ชื่อว่า VF400F Integra
สเปคอื่นๆเหมือนเดิมทุกอย่าง น้ำหนักมากขึ้นนิดนึงเป็น 175 กก.

ปี 1986 เป็นจุดเริ่มต้นของ VFR400R ตัวแรกกับรหัส NC21 ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนใหม่หมด ใช้เครื่องยนต์ลูกใหม่ที่ให้กำลังสูงกว่าเดิม เฟรมอลูมินั่มอัลลอยด์ เป็นก้าวสู่ยุคใหม่ของรถสปอร์ทจริงๆ

Specification
เครื่องยนต์ - V4 DOHC 16V ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ความจุกระบอกสูบ - 399 ซีซี.
กระบอกสูบ x ระยะชัก - 55 x 42 มม.
อัตราส่วนกำลังอัด - 11.1 : 1
คาร์บูเรเตอร์ - Keihin 29mm. x 4
ระบบจุดระเบิด - Transistorized
กำลังสูงสุด - 59 PS (44 kW) @ 12,500 pm
แรงบิดสูงสุด - 3.98 กก.-ม. (39 Nm) @ 10,000 pm
เกียร์ - 6 ระดับ
เบรคหน้า - ดิสค์เบรคจานคู่ 296 มม.
เบรคหลัง - ดิสค์เบรคจานเดียว 220 มม.
ยางหน้า - 100/90-16
ยางหลัง - 120/70-18
ระยะฐานล้อ - 1,375 มม.
สูงถึงเบาะ - 770 มม.
ถังน้ำมัน - 16 ลิตร
น้ำหนัก - 183 กก.

ในปีเดียวกันนี่เองก็มีรุ่น Naked ออกมาด้วย
โดยใช้ชื่อว่า VFR400Z

1987 ถัดมาแค่ปีเดียว ก็มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้งด้วยสวิงอาร์มหลังแบบ Pro-Arm ที่ฮอนด้าพัฒนาขึ้นมาร่วมกับ ELF เพื่อใช้ในการแข่ง Endurance มีประโยชน์มากในเรื่องความรวดเร็วในการเปลี่ยนล้อ
ทุกอย่างเหมือนกับ NC21 แต่ใส่ Pro-Arm มาให้พร้อมกับเปลี่ยนรหัสเป็น NC24
 

1989 การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญมาเป็น NC30 ที่เราคุ้นเคยกันมากที่สุด ด้วยการเดินตามแบบอย่างของตัวแข่งชื่อดัง RC30 ไฟหน้าคู่ เครื่องยนต์ใหม่ โปรอาร์มรุ่นปรับปรุง คาดสีแบบ HRC ล้อขาว แฮนด์ลิ่งสุดยอด เป็น Racing Replica ของแท้ที่ทำให้ปวดหลังปวดคอเวลาขี่นานๆ
ในปีนี้ใช้ชื่อรุ่นว่า VFR400R - K หมายเลขเครื่องเริ่มจาก NC13E-1200001 เลขคอเริ่มจาก NC30-1000001 รหัสคาร์บู VDE3A A

   Specification
เครื่องยนต์ - V4 90deg DOHC 16V ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขับแคมชาฟท์ด้วยเฟือง
ความจุกระบอกสูบ - 399 ซีซี.
กระบอกสูบ x ระยะชัก - 55 x 42 มม.
อัตราส่วนกำลังอัด - 11.3 : 1
คาร์บูเรเตอร์ - Keihin 32mm. x 4
ระบบจุดระเบิด - Digital
กำลังสูงสุด - 59 PS (44 kW) @ 12,500 pm
แรงบิดสูงสุด - 3.98 กก.-ม. (39 Nm) @ 10,000 pm
เกียร์ - 6 ระดับ
กันสะเทือนหน้า - Telescopic 41 มม. ระยะยุบ 120 มม.
กันสะเทือนหลัง - Proarm ช็อคอับแก๊ส ระยะยุบ 120 มม.
Rake / Trail - 25deg 20' / 96 มม.
อัตราทดขั้นต้น - 2.117
อัตราทดเกียร์ 1 - 2.928
อัตราทดเกียร์ 2 - 2.166
อัตราทดเกียร์ 3 - 1.800
อัตราทดเกียร์ 4 - 1.591
อัตราทดเกียร์ 5 - 1.435
อัตราทดเกียร์ 6 - 1.318
อัตราทดขั้นสุดท้าย - 2.666 (15/40)
เบรคหน้า - ดิสค์เบรคจานคู่ 296 มม.
เบรคหลัง - ดิสค์เบรคจานเดียว 220 มม.
ยางหน้า - 120/60-17
ยางหลัง - 150/60-18
ยาวxกว้างxสูง - 1,986x705,x1,075
ระยะฐานล้อ - 1,345 มม.
สูงถึงเบาะ - 755 มม.
สูงจากพื้น - 125 มม.
ถังน้ำมัน - 15 ลิตร (สำรอง 2 ลิตร)
น้ำหนัก - 175 กก.

ข้อมูลเล็กๆน้อยๆสำหรับการดูแลรักษารถ
ถ่ายน้ำมันเครื่อง - 2.4 ลิตร (เปลี่ยนกรอง 2.5 ลิตร - ผ่าเครื่อง 3 ลิตร)
น้ำหล่อเย็น - 2.1 ลิตร (ถังพักน้ำสำรอง 0.2 ลิตร)
แรงดันฝาหม้อน้ำ - 1.1 bar (108 kPa, 16 psi)
นมหนู Main Jet - สูบหน้า #122, สูบหลัง #120
Slow Jet - #35
ระยะลูกลอย - 6.8 มม.
ความต่างของแวคคั่มแต่ละสูบ - ไม่เกิน 40 mm-Hg
คาร์บูตัวหลักในการจูน - คาร์บูของสูบ 2
รอบเดินเบา - 1,300 +/- 100 rpm
โซ่ - 525, 104 ข้อ
น้ำมันช็อคอับหน้า - ข้างละ 390 ซีซี.
หัวเทียน - NGK ER9EH, ND Y27FER / ระยะเขี้ยว 0.6-0.7 มม.
ฟิวส์ - 30A x 1, 20A x 1, 10A x 3

จุดอ่อนอยู่ที่กล่องแปลงไฟ ควรจะติดพัดลมช่วยระบายความร้อนพวกพัดลม CPU ตัวย่อมๆจะยืดอายุการใช้งานได้อีกมาก
วัดไฟชาร์จด้วยการเร่งถึง 5,000 รอบแรงดันต้องไม่เกิน 14.4V ถ้าเกินแสดงว่าตัว Rectifier เสีย
แล้วแบตจะพัง ตามด้วยกล่อง ECU ทีนี้ล่ะ หลายพัน

ปี 1990-1991 การปรับปรุงเล็กๆกับชื่อ VFR400R - L ด้วยช็อคอับหน้าใหม่แบบ Cartridge Fork ที่ปรับ Sping Preload ได้ ช็อคอับหลังและคาลิเปอร์เบรคหน้าก็เปลี่ยน ร้อมกับคาดแถบสีแบบใหม่
หมายเลขเครื่องเริ่มจาก NC13E-1300001 เลขคอเริ่มจาก NC30-1050001 รหัสคาร์บู VDE3D A

ปี 1992-1993 เปลี่ยนช็อคอับหน้า/หลังเป็นแบบปรับได้ทุกระบบ และเป็นการปรับปรุงครั้งสุดท้ายของรหัส NC30
หมายเลขเครื่องเริ่มจาก NC13E-1400001 เลขคอเริ่มจาก NC30-1100001 รหัสคาร์บู VDE3D B

ปี 1994 เป็นการเริ่มต้นของรหัสใหม่ NC35 หรือชื่อว่า RVF400R - R ด้วยการก้าวตามแบบอย่างของตัวแข่งระดับโลกในรุ่นใหญ่ RC45
รูปโฉมภายนอกใหม่ ช็อคหน้าแบบ USD คาลิเปอร์เบรครุ่นใหม่ และด้วยข้อตกลงในเรื่องการจำกัดกำลัง ทำให้ RVF400R ลดกำลังลงมาอยู่ที่ 53 แรงม้า เปลี่ยนล้อหลังเป็นขอบ 17 แม้ว่ากำลังจะน้อยลงแต่ด้วยการควบคุมบังคับและแฮนด์ลิ่งที่เหนือกว่า NC30 ด้วยการร่นแฮนด์เข้าใกล้คนขี่อีก 24 มม. และสูงขึ้นอีก 10 มม. ทำให้ท่านั่งสบายขึ้นอีกมาก
โปรอาร์มใหม่ด้วยวัสดุที่ดีขึ้นทำให้มันบางลงแต่แข็งแรงกว่าเดม ลดขนาดแกนล้อจาก 20 มม.เหลือ 17 มม. เฟรมใหม่ที่แม้จะมีตำแหน่งยึดเครื่องยนต์ 4 จุดเหมือนเดิมชนิดสลับเฟรมสลับเครื่องกันได้แต่เฟรมใหม่ให้สมดุลย์น้ำหนักดีกว่าเดิม
หน้ารถมีช่องรับอากาศที่ดูคล้ายแรมแอร์ แต่แรมแอร์จะใช้หลักอากาศพลศาสตร์ช่วยให้อากาศที่ถูกรีดเข้าไปมีแรงดันสูงขึ้น แต่ของ NC35 เป็นแค่ท่อดูดอากาศเย็นจากหน้ารถเข้ามาเท่านั้น
คาร์บูใหม่ลดขนาดลง 2 มม. และเปลี่ยนมาใช้ลูกเร่งรูปตัว T ที่ทำงานได้เรียบลื่น ปล่อยอากาศเข้าได้เนียนกว่า

หมายเลขเครื่องเริ่มจาก NC13E-1600001 เลขคอเริ่มจาก NC35-1000001 รหัสคาร์บู VP90A A

ช็อคหน้า USD และคาลิเปอร์เบรคใหม่

ชุดโปรอาร์มและแกนล้อใหม่

NC35 ยังคงผลิตอยู่จนถึงปี 1996 และได้รับความนิยมอย่างสูงทั้งจากผู้ใช้และโรงเรียนสอนแข่งรถ โดยรุ่นสุดท้ายใช้รหัสว่า RVF400R - Tหมายเลขเครื่องเริ่มจาก NC13E-2100001 เลขคอเริ่มจาก NC35-1100001 รหัสคาร์บู VP90A A
เพราะกระแสรถสปอร์ทขนาดเล็กซาลงไปมาก แถมรถรุ่นใหม่ๆยังออกแบบมาให้เล็กกว่า เบากว่า แต่แรงกว่า ใครคิดจะเล่นรถสปอร์ทเล็กก็เลยเขยิบขึ้นไปเล่นกันที่ 600 ซีซี เป็นตัวเริ่มต้น แล้วสปอร์ท 400 ก็ตายจากตลาดไปจนหมด มีแต่รถเก่าที่ยังหมุนเวียนในตลาดต่อไป