KAWASAKI

KAWASAKI

จุดเริ่มต้นของ KAWASAKI ZZR-1400 ครับ

ถ้าหากจะไปสำผัสแบบเจาลึกกับเจ้า ZZR 1400 ก็ต้องไปสาวตำนานตระกูลรถยักให้รู้ถึงต้นตาแห่งความแรงกันเสียก่อน ถ้าเอ่ยถึงชื่อรหัส ZZR สิงห์นักบิดทั่วไปคงไม่ค่อยคุ้นหูกันเท่าไรแต่ถ้าเป็นแฟนพันแท้ของค่ายคาวาซากิคงจะพอจำชื่อ ZZR-1100 (1052cc.)รถสปอร์ตทัวริ่งคันโตที่คาวาซากิปล่อยออกมาเมื่อ 15 ปีก่อนได้ แม้จะหวังให้ ZZR-1100 เป็นหัวหอกในการทำลายสกิติความเร็ว 300 กม./ชม. แต่จนแล้วจนเล่า คาวาซากิก็ไม่สามารถพารถยักษ์น้ำหนักตัว 250 กก. ทะลุกำแพง 300 กม./ชม. ได้แต่ก็ได้สร้างชื่อให้ ZZR-1100 กลายเป็นรถที่ผลิตออกวางตลาดเร็วที่สุดในยุค
นั้นถึง 5 ปี ติดต่อกันGENERALModel Kawasaki ZZR 1100 1999Category SportENGINEType 1052 cc, water cooled, 4 - cylinders in line, 4-strokeBore x stroke (mm) 76 mm x 58 mmValves 4 valves per cylinderPower 146 hp (108.9 kW) @ 10500 rpmTorque 110 Nm (81.1 ft. lbs) @ 8500 rpmTRANSMISSIONGearbox 6 speedFinal drive ChainWHEELSFront tyre 120/70-17Back tyre 180/55-17DIMENSIONSSeat height 780 mm (30.7 inches)Fuel capacity - reserve 24 l (6.3 gallon US)Dry weight 233 kg (513.7 pounds)ไม่ได้มีเพียงแต่ความเร็วและพละกำลังเท่านั้น ZZR-1100 ยังพ่วงโครงสร้างเฟรมชั้นยอดและระบบกันสะเทือนชั้นเยี่ยมพาให้คาวาซากิสร้างชื่อเสียงและยอดขายติดลมบน จนในปี 2002 คาวาซากิตัดสินใจปล่อย ZZR-1200 ออกมาแทนที่ โดยปรับแต่งเครื่องยนต์เพื่อเร่งความเร็วในช่วงรอบกลางและการควบคุมที่ดีกว่าเก่าพร้อมๆกับส่งรุ่นน้อง ZZR-600 ร่วมจอยความสำเร็จ

                                 






GENERAL
Model Kawasaki ZZR 1200 2002
ENGINE
Type 1164 cc, liquid cooled, 4 - cylinders in line, 4-stroke
Bore x stroke (mm) 79 mm x 59.4 mm
Compression ratio 10,6:1
Valves DOHC, 4 valves per cylinder
Fuel system Keihin CVKD40 x 4 (K-TRIC)
Ignition Digital electronic
Power 160 hp (119.3 kW) @ 9500 rpm
Torque 124 Nm (91.5 ft. lbs) @ 8200 rpm
TRANSMISSION
Gearbox 6 speed
Final drive Chain
WHEELS
Front tyre 120/70-17
Back tyre 180/55-17
DIMENSIONS
Overall length 2160 mm (85 inches)
Overall width 755 mm (29.7 inches)
Overall height 1245 mm (49 inches)
Seat height 800 mm (31.5 inches)
Wheelbase 1505 mm (59.3 inches)
Fuel capacity - reserve 23 l (6.1 gallon US)
Dry weight 236 kg (520.3 pounds)แต่ดูเหมือนแผนปูพรมจะไม่เป็นไปอย่างที่คาดไว้เพราในช่วงเวลก่อนที่จะปล่อย ZZR-1200 คาวาซากิกลับโชว์พาวด้วยการปล่อยซูเปอร์ไบค์สปอร์ตเต็มพิกัดรหัส Ninja ZX-12R (1199 ซีซี)ที่โดดเด่นทั้งน้ำหนักตัวสุดเบาพร้อมความแรงระดับ 176 แรงม้าขานรับกระแสความนิยมรถแรงในยุคนั้น ทำเอา ZZR-1200 รถสปอร์ตทัวริ่งที่ปล่อยออกมาช้ากว่า ZX-12R ประมาณ 2 ปี ต้องเกิดอาการสะดุด ชื่อตระกุล ZZR เริ่มเงียบหายไปแต่กลับโด่งดังในตระกุล ZX แทน ภายหลังมีทั้่ง ZX-10R และ ZX-6R ออกวางตลาดตามกันมา                                                    


GENERALModel Kawasaki ZX-12R 2002Category Sport
ENGINE
Type 1199 cc, liquid cooled, 4 - cylinders in line, 4-stroke
Bore x stroke (mm) 83 mm x 55.4 mm
Compression ratio 12.2:1
Valves DOHC, 4 valves per cylinder
Fuel system Fuel injection with 46mm throttle bodies
Ignition Digital
Power 178 hp (132.7 kW) @ 10500 rpm
Torque 134 Nm (98.8 ft. lbs) @ 7500 rpm
TRANSMISSION
Gearbox 6 speed
Final drive Chain
Starting system Electronic
CHASSIS
Frame Press backbone (monocoque), aluminium
Rake / Trail 25 degrees / 98 mm (3.9 inches)
WHEELS
Front tyre 120/70-17
Back tyre 200/50-17
DIMENSIONS
Overall length 2085 mm (82.1 inches)
Overall width 740 mm (29.1 inches)
Overall height 1200 mm (47.2 inches)
Seat height 820 mm (32.3 inches)
Wheelbase 1450 mm (57.1 inches)
Fuel capacity - reserve 19 l (5 gallon US)
Dry weight 213 kg (469.6 pounds)
ปี 2006 คาวาซากิมีแผนจะปลุกผีรถในตระกุล ZZR อีกครัง ด้วยการนำจุดเด่นของรถดังในอดีต ZZR-1200 รถดีที่ไม่ได้รับความนิยมในตลาดและ ZX-12R สปอร์ตสุดดังมาผสมผสานเพื่อให้เป็นรถถนนที่มีพละกำลังมากที่สุดในโลก ซึ่งก็คือเจ้า ZZR-1400 ที่เรากำลังเจาะลึกกันนี่เองซึ่งแน่นอนว่าคู่แข่งหลักของสปอร์ตทัวริ่ง ZZR-1400 คงหนีไม่พ้นรถประเภทเดียวกันนั่นก็คือ Suzuki GSX 1300R HAYABUSA ซูเปอร์ไบค์ที่ครองตำแหน่งเจ้าความเร็วด้วยการทำลายสกิติด้วยการทำความเร็วทะลุ 300 กม.ชม. และ Honda CBR-1100XX Superblackbird สปอร์ตทัวริ่งคันโตอีกหนึ่งคูกัดในพิกัดเดียวกัน
ความพยายามในการปลุกผีรถยักษ์เพื่อก้าวสู่บัลลังก์แชมป์ของคาวาซากิ เริ่มต้นตั้งแต่การนำระบบแรมแอร์ ระบบอัดอาการที่คาวาซากิเป็นผู้คิดค้นขึ้นร่วมกับเครื่องยนต์หัวฉีดมาเป็นหัวใจสำคัญของแหล่งกำเหนิดพลังห่อหุ้มด้วยโครงสร้างและแฟร์ริ่งสไตล์แอโรไดนามิกเพื่อควบคุมและการใช้งานอย่างสะดวกทุกท่วงท่าบนท้องถนนได้อย่างลงตัว
เครื่องยนต์
พื้นฐานของความสำเร็จของเครื่อยงยนต์ 4 สูบเรียง 16 วาล์วพันธ์์ุดุถูกดึงมาจาก ZX-12R ที่คาวาซากิสร้างบล็อกเครื่องยนต์ขนาดยักษ์ขึ้นมาใหม่หมดเพื่อรองรับความแรงระดับ 1400 ซีซี. โดดเด่นพอที่คาวาซากิกล้าเคลมถึงพลัง 200 แรงม้า ps แต่น่าเสียดายที่ตัวเลขนี้ให้โฆษณาตามมารตฐานยุโรปซึ่งหากมาแปลงตามมาตรฐานอังกฤษที่นิยมใช้กันจะเหลือเพียง 197.7 แรงม้า สิ่งหนึ่งที่น่าแปลกในในการออกแบบคือระบบแรมแอร์ตัวนี้ออกแรงม้าจะลดฮวบเหลือเพียง 187.3 แรงม้า เป็นความแรงบนข้อเหวี่ยงล้วนๆ หากวัดที่ล้อหลังผ่านระบบขับเคลื่อนอีกหลายตัวจะเหลือเพียง 170 แรวม้า ซึ่งก็ถือว่าเหลือเฟือสำหรับรถแรงในระดับเดียวกัน

ส่วนประกอบหลักของความแรงตามเสปคขนาด 1352 ซีซี.ถูกคัดมาอย่างลงตัว ตั้งแต่ลูกสูบฟอร์จ(ฉีด)ขนาดใหญ่ 84 มม. และแคมชาฟท์กระบอกสูบขึ้นรูปแบบหล่อ ชิ้นส่วนสำคัญมีการผ่ากรรมวิธีผลิดที่เหนือกว่าจนทำให้ ZZR-1400 มีขนาดไกล้เคียงกับบล็อก ZX-12R เดิมสิ่งที่น่าสนใจของเครื่องระดับ 1400 ซีซี.คือการใช้ลูกเร่งขนาด 44 มม. และขนาดวาล์วขนาดเล็กมาใช้กับเครื่องยนต์บิกไซส์ทำให้เชื้อเพลิงเดินเข้าสูกระบอกสูบดีขึ้น เมื่อมารวมกับกระบอกสูบ 84 มม. และช่วงชัก 61 มม. เกิดเป็นการสร้างแรงบิดมหาศาลในช่วงรอบต่ำ ปั่นรอบเครื่องได้ 10500 รอบ และเรียกแรกปิดสุงสุดถึง 7500 รอบต่อนาที ยังมีช่องว่างให้ซ่าได้อีก 2500 รอบก่อนถึงเรดไลน์ เหลือเฟือเพียงพอที่จะทำให้เจ้า ZZR-1400 เป็นจรวดทางเรียบบนไฮเวย์ได้ไม่ยาก

โครงสร้าง
อีกส่วนประกอบสำคัญที่ดึงมาจาก ZX-12R ก็คือ การเลือกใช้โครงสร้างเฟรมอลูมิเนียมแบบโมโนคอคแต่จะแตกต่างกันทั้งในเรื่องไซส์และส่วนประกอบถึงกว่า 50 % เฟรมของเจ้า ZZR-1400 มีเทคโนโลยีการผลิตเหนือชั้นกว่าคือ ในส่วนของคอท่อใช้การหล่อแบบ single-cavity เทคโนโลยีหล่ออลูมิเนียมที่มีช่องตรงกลาง เมนเฟรมแบบโมโนคอคใหม่นี้ มีดีไซน์ที่เพรียวลมกว่า Hayabusa และ BlackBird อย่างเห็นใด้ชัด หากนำมาเปรียบเทียบฟิลลิ่งกับเฟรมต้นกำเหนิดอย่าง ZX-12R ซึ่งใช้เฟรมแบบโมโนคอคเช่นเดียวกันจะพบว่าเฟรมใหม่ของ ZZR-1400 ให้ความรู้สึกพุ่งกว่าเฟรมเดิมถึงสองเท่า แต่กลับมีอาการย้วยด้านข้างขึ้นเล็กน้อยตรงตามแผนการของ โทชิโร โยเนมูระ เฟรมดีไซน์เนอร์ที่ต้องการเสริมคาแรกเตอร์เฟรมในลักษณะสปอร์ตทัวริ่งให้กับเจ้า ZZR-1400 มากกว่าความปราดเปรียวตามสไตล์สปอร์ตเต็มพิกัดต้นแบบอย่าง ZX-12R 

ฟิลลิ่งสปอร์ต สไตล์ทัวริ่ง
รูปทรงบึกบึนของ ZZR-1400 สะดุดตาด้วยไฟหน้าแบบโปรเจคเตอร์ 4 ดวง วางเรียงกันเป็นแนวยาวเต็มด้านหน้า เหลือพื้นที่ด้านบนทรงสามเหลี่ยมให้เป็นช่องดักอากาศสำหรับเข้าระบบแรมแอร์ แฟร์ริ่งรอบคันดีไซน์ไม่หวือหวาตามไสตล์สปอร์ตทัวริ่ง ไฟเลี้ยวด้านหน้าฝังตัวอยู่ในแฟร์ริ่งเน้นความเรียบง่ายเนียนๆ ไฟท้ายดีไซน์รูปตัววี ซ่อนไฟแอลอีดีไว้ด้านใน เกไก๋ไปอีกแบบ สวิตซ์กุลแจเสริมความปลอดภัยขณะจอดเลือกใช้แบบ Immobiliser ที่นิยมใช้กันในรถยนต์ แผงหน้าปัดอนุรักษ์นิยมผสมผสานกันแบบเข็มและดิจิทัล วัดรอบและวัดความเร็วยังคงใช้สไตล์เดิมแบบวางเข็มคู่กันบนหน้าปัดสีขาว ส่วนด้านบนเป็นจอดิจิทัลแสดงตำแหน่งเกียร์ ระดับน้ำมันและข้อมูลอื่นๆ รวมทั้งชิฟท์ไลท์ ทีเตือนการเปลี่ยนเกียร์ ฟังก์ชั่นเท่ๆตามภาษารถแรง

อีกจุดเด่นหลักที่ซ่อนอยู่ด้านในคือ หม้อน้ำขนาดใหญ่แบบเต็มหน้ากว้างที่คาวาซากิเลือกใช้ของ Denso เพราะน้ำหนักเบาและระบายความร้อนได้ดีกว่ายี่ห้ออื่นและขาดไม่ได้กับดิสก์เบรคคู่แบบเรเดียลเมาท์ 4 สูบบนจานดิสก์ขนาดใหญ่ มีการเซาะลายให้มีดีไซน์ที่เหนือกว่า มาพร้อมกับระบบ ABS เป็นออพชั่นติดตั้งพิเศษ

จากปากคำของนักทดสอบที่ได้ลิ้มรสสำผัสของเจ้ายักษ์ ZZR-1400 ล้วนแต่มีความเห็นตรงกันว่า คาวาซากิสร้างรถคันนี้ออกมาได้อย่างที่ต้องการ ทั้งฟิลลิ่งควบคุม "นิ่ง นุ่ม เนียน"ผสานกับความแรงแบบสั่งได้ และท่วงท่าการขับขี่สุดสบาย เรียกได้ว่าเข้าไกล้คำว่าเพอร์เฟคถึง 99 เปอร์เซนต์ ขาดเพียงแต่การลบสถิติความแรงของคู่แข่งเท่านั้น แต่ก็เอาเหอะ ใครจะมาบ้าเค้ารถสปอร์ตทัวริ่งให้มันทะลุ 300 กม./ชม. เป็นประจำล่ะ


เครื่องยนต์ 4 จังหวะ 4 สูบเรียง 16 วาล์ว DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ปริมาตรกระบอกสูบ 1352 ซีซี.
กระบอกสูบ * ช่วงชัก 84 x 61 มม.
แรงบิดสุงสุด 113.5 ลบ.ฟุต ที่ 7500 รอบต่อนาที
แรงม้าสุงสุด 197.0 แรงม้า ที่ 9500 รอบต่อนาที
อัตราส่วนกำลังอัด 12.0 : 1
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง DFI ลูกเร่ง Mikuni 44 มม.
ระบบส่งกำลัง โซ่ 6 เกียร์
ระยะเรค/เทรล 23 องศา /94 มม.
ระบบกันสะเทีอนหน้า ช็อคหัวกลับขนาด 43 มม. ระยะยุบ 4.6 นิ้ว
ระบบกันสะเทือนหลัง Uni-trak ระยะยุบ 4.8 นิ้ว ปรับระดับได้
ระบบเบรคหน้า ดิสก์เบรคคู่ 4 ลูกสูบแบบเรเดียลเมาท์
ระบบเบรคหลัง ลูกสูบเดี่ยว
ความจุถังน้ำมัน 4.5 แกลลอน
ความสุงเบาะ 31.5 นิ้ว
น้ำหนักรวม 215 กก. 




หากจะนับต้นตระกูลบรรพบุรุษนินจายุคแรกที่สืบสายโลหิตมาเป็นนินจาบ้าพลังในยุคปัจจุบัน จะเริ่มจาก Z1 Super4 ปี 1972
จากโครงการลุยตลาดรถในอเมริกา ซึ่งต้องการรถซิ่งสำหรับผู้ใหญ่ จึงบังเกิดโครงการที่ชื่อว่า New York Steak (NYS) โดย Inamura Gyoichi โดยมีคำโปรยว่า “เราสร้างรถ Super Sport Tourer สำหรับนักขี่ผู้มากฝีมือและต้องการรถที่ใหญ่กว่า พลังขับเคลื่อนที่สูงกว่า”
ตอนที่ R1 กับ Haya เปิดตัวก็ใช้คำประมาณนี้เหมือนกัน แต่นินจาทำมาก่อนตั้งยี่สิบกว่าปีแน่ะ แถมยังใช้ชื่อ Super 4 ก่อนด้วย

โครงการ NYS เริ่มมาตั้งแต่ปี 1967 เดิมทีคาวาฯมีตัวแรงที่สร้างชื่อเอาไว้มากมายอย่าง Mach III รถสปอร์ทสองจังหวะสามสูบขนาด 500 ซีซี และ Mach III ขนาด 750 ซีซีในเดือนกันยายน ปี 1968
แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือน ฮอนด้าก็ส่ง CB750 ออกมา ซึ่งมันก็ถล่มตลาดเสียกระจุย ด้วยเครื่องยนต์สี่จังหวะที่เสียงไม่น่ารังเกียจ มลภาวะต่ำ กินน้ำมันน้อย มันส่งผลต่อ Mach III และโครงการ NYS อย่างร้ายแรง




หากจะนับต้นตระกูลบรรพบุรุษนินจายุคแรกที่สืบสายโลหิตมาเป็นนินจาบ้าพลังในยุคปัจจุบัน จะเริ่มจาก Z1 Super4 ปี 1972
จากโครงการลุยตลาดรถในอเมริกา ซึ่งต้องการรถซิ่งสำหรับผู้ใหญ่ จึงบังเกิดโครงการที่ชื่อว่า New York Steak (NYS) โดย Inamura Gyoichi โดยมีคำโปรยว่า “เราสร้างรถ Super Sport Tourer สำหรับนักขี่ผู้มากฝีมือและต้องการรถที่ใหญ่กว่า พลังขับเคลื่อนที่สูงกว่า”
ตอนที่ R1 กับ Haya เปิดตัวก็ใช้คำประมาณนี้เหมือนกัน แต่นินจาทำมาก่อนตั้งยี่สิบกว่าปีแน่ะ แถมยังใช้ชื่อ Super 4 ก่อนด้วย

โครงการ NYS เริ่มมาตั้งแต่ปี 1967 เดิมทีคาวาฯมีตัวแรงที่สร้างชื่อเอาไว้มากมายอย่าง Mach III รถสปอร์ทสองจังหวะสามสูบขนาด 500 ซีซี และ Mach III ขนาด 750 ซีซีในเดือนกันยายน ปี 1968
แต่หลังจากนั้นไม่กี่เดือน ฮอนด้าก็ส่ง CB750 ออกมา ซึ่งมันก็ถล่มตลาดเสียกระจุย ด้วยเครื่องยนต์สี่จังหวะที่เสียงไม่น่ารังเกียจ มลภาวะต่ำ กินน้ำมันน้อย มันส่งผลต่อ Mach III และโครงการ NYS อย่างร้ายแรง




10 ปีหลังจากการเปิดตัวของ GPZ900R รุ่นแรก เป็นเวลาที่คาวาฯต้องหาอะไรมาจัดการกับ Fireblade ของฮอนด้า โดยมอบหมายให้ Inamura Gyoichi ผู้ให้กำเนิด Z1 และ GPZ900R มาเป็นหัวหน้าโครงการอีกครั้ง
ด้วยวิธีเดียวกันกับ Fireblade นินจาก็ใช้การนำเอา ZXR-750 สปอร์ทตัวแข่ง WSBK มาเป็นต้นแบบในการขยายขนาด เฟรมอลูมินั่มอัลลอยด์ขนาดใหญ่ การยัดช็อคหน้าแบบ Up-Side Down มาให้ ช็อคหลังแบบมี Sub-Tank เหน็บไว้ข้างรถ
เปิดตัวในปี 1994 ในรหัส ZX-9R B1 ด้วยเครื่อง 4 สูบเรียง 899 ซีซี DOHC 16V ระบายความร้อนด้วยน้ำ 136.5 แรงม้าที่ 10,500 rpm แรงบิด 9.6 กก.-ม. ที่ 9,000 rpm เสริมพลังด้วยแรมแอร์คู่ และทำความเร็วปลายได้ถึง 280 กม./ชม.
ถังน้ำมัน 20 ลิตร น้ำหนัก 215 กก. ยางหน้า 120/70-17 ยางหลัง 180/55-17 สวิงอาร์มทรงเรียว และคลัทช์ไฮดรอลิค กระปุกน้ำมันเบรคและคลัทช์เป็นอลูมิเนียมแบบรถทัวริ่ง เรือนไมล์มีวัดความเร็วให้ถึง 300 วัดรอบเข้าเรดไลน์ที่ 12,000 และสุดที่ 14,000

แต่... เทียบกับ Fireblade แล้วมันยังมีจุดอ่อน ถึงจะปั่นม้าออกมาได้มากกว่า แต่น้ำหนักตัว 215 กก.นั่นเป็นตัวปัญหา ในขณะที่ Fireblade ’94 หนักแค่ 185 กก. เบรคทำงานได้ไม่น่าประทับใจ การถ่ายทอดกำลังและระบบช่วงล่างของนินจาก็เน้นความนุ่มนวลมากกว่า ฟีลลิ่งการขี่ก็ออกในสไตล์ทัวริ่งมากกว่าจะเป็นสปอร์ท มาตรวัดที่แสดงผลครบถ้วนโดยเฉพาะวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิงที่ไม่ค่อยจะได้เห็นในรถสปอร์ท ความสะดวกสบายของท่านั่งในการใช้งานทั้งในเมืองและนอกเมือง ถ้าแบกน้ำหนักไหวล่ะก็...

Specification
เครื่องยนต์ - 4 สูบเรียง DOHC 4 วาล์วต่อสูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ
ความจุกระบอกสูบ - 899 cc.
กระบอกสูบ x ระยะชัก - 73.0 x 53.7 mm.
อัตราส่วนกำลังอัด - 11.5:1
คาร์บูเรเตอร์ - Keihin CVKD 40 mm.
กำลังสูงสุด - 136.5 PS @ 10,500 rpm
แรงบิดสูงสุด - 9.6 kg-m @ 9,000 rpm
ความจุน้ำหล่อเย็น - 2.8 liter
ถ่ายน้ำมันเครื่อง - แบบไม่เปลี่ยนกรอง 3.4 ลิตร / เปลี่ยนกรอง 3.5 ลิตร
หัวเทียน - NGK CR9EK / ND U24ETR ระยะเขี้ยวหัวเทียน 0.7-0.8 มม.
รอบเดินเบา - 1,100 rpm
คลัทช์ - แบบเปียก หลายแผ่นซ้อนกัน/Hydraulic Control
เกียร์ - 6 ระดับ
อัตราทดขั้นแรก - 1.534
อัตราทดเกียร์ 1 - 2.857
อัตราทดเกียร์ 2 - 2.055
อัตราทดเกียร์ 3 - 1.650
อัตราทดเกียร์ 4 - 1.391
อัตราทดเกียร์ 5 - 1.222
อัตราทดเกียร์ 6 - 1.103
อัตราทดขั้นสุดท้าย - 2.750 (16/44)
ระยะฐานล้อ - 1,440 mm.
ความสูงถึงเบาะ - 800 mm.
ความสูงจากพื้น - 125 mm.
น้ำหนัก - 215 kg.
ความจุถังน้ำมัน - 20 liter
เบรคหน้า - จานคู่ขนาด 285 มม.
เบรคหลัง - จานเดี่ยวขนาด 194 มม.
ช็อคอับหน้า - Telescopic Up side Down ระยะยุบ 120 มม.
ช็อคอับหลัง - เดี่ยว ระบบ Unitrak ระยะยุบ 135 มม.
ยางหน้า - 120/70 ZR17 (36 psi)
ยางหลัง - 180/55 ZR17 (42 psi)